เข้าใจว่า ตอนเด็กๆ หลายท่านคงเคยฟังเพลง "กบร้องเพราะท้องปวด" นี้
ซึ่งเนื้อเพลง ก็จะประมาณว่า
"กบเอยทำไมจึงร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง
ที่กบมันร้อง เพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด ท้องเอยทำไมจึงปวด
ที่ท้องมันปวด เพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ ข้าวเอยทำไมจึงดิบ
ที่ข้าวมันดิบ เพราะว่าไฟมันดับ
ไฟเอยทำไมจึงดับ ไฟเอยทำไมจึงดับ
ที่ไฟมันดับ เพราะว่าฟืนมันเปียก
ฟืนเอยทำไมจึงเปียกฟืนเอยทำไมจึงเปียก
ที่ฟืนมันเปียก เพราะว่าฝนมันตก
ฝนเอยทำไมจึงตก ฝนเอยทำไมจึงตก
ที่ฝนมันตก เพราะว่ากบมันร้อง"
ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ชื่อเพลงอะไร
รู้แค่มันเป็นเพลงในตำนาน ที่เด็กๆ ยุคหนึ่งต้องเคยได้ยินได้ฟัง
ลองพยายามค้นแล้ว ก็มีทั้งบอกว่า ชื่อเพลง "กบเอยทำไมจึงร้อง" "กบปวดท้อง" หรือ "แม้แต่ฝนเอยทำไมจึงตก" ก็ยังมี จึงขอเรียกว่า "เพลงกบร้องเพราะท้องปวด" ละกัน
เนื้อเพลงก็เล่าถึงเหตุผลว่าที่กบร้อง มันมีที่มาที่ไปของมัน เพราะมีเหตุจึงเกิดผล และผลก็เป็นเหตุของปัญหาอีกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกันเหมือนปฏิกริยาลูกโซ่
กบร้องเพราะปวดท้อง
ท้องปวดเพราะข้าวดิบ
ข้าวดิบเพราะไฟที่หุงข้าวดับ
ไฟดับ เพราะ ฟืนเปียกชื้น
ฟืนเปียก เพราะ ฝนตก
แต่ที่ฝนตกก็เพราะ กบมันร้องนี่แหละ!!
ฟังเผินๆ ก็เป็นเพลงเด็กธรรมดาๆ ฟังวนไปได้เพลินๆ
แต่พอหลายรอบเข้า
อ้าว ! นี่มันบรรยายภาพการทำงานองค์กรชัดเจนเลยนี่
เพราะมันคือรูปแบบเดียวกับ การสรรหาคำอธิบายสาเหตุของปัญหาในการทำงานของคน ตอนที่ผลการทำงานไม่เข้าเป้าเลย
ทำไมงานไม่เข้าเป้า
เพราะนายไม่ช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็น
ทำไมนายไม่สนับสนุนล่ะ
เพราะว่า งบมันจำกัดไง เบื้องบนให้มาเท่านี้
ทำไมเบื้องบนจำกัดงบ
เพราะว่า รายได้ ผลประกอบการไม่ดีไง
แล้วทำไมรายได้ไม่ดี ก็เพราะ...
......
......
หน่วยงานเอ็งทำงานไม่เข้าเป้าไงเล่า!!
วงจรการโทษกันจึงเกิดขึ้น เพื่ออธิบายเหตุผล ที่มาที่ไปของความผิดพลาดที่ "ดูเหมือนสมเหตุสมผล" แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ไม่ต่างกับเพลงกบปวดท้อง ที่เริ่มอธิบายปัญหา และวนหาสาเหตุที่เกิดจากปัจจัยภายนอก ท้ายสุดมันก็วนมาที่จุดเริ่มต้น แล้ววนเป็นลูปใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนกว่าจะมีใครสักคนได้สติ #เริ่มต้นเปลี่ยนมุมมอง เลิกหาเหตุผลให้ตนพ้นผิดด้วยการโทษปัจจัยภายนอก และ #คิดว่าตัวเราเองทำอะไรได้บ้าง เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ปัญหาจะได้ไม่ต้องวนซ้ำไปซ้ำมาแบบเพลงกบในตำนานนี้อีกต่อไป
-------------------------
Original Content & Illustrate by aniruthT
เนื้อเพลง: Internet
อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ ที่ www.coachforgoal.com/blogs
----------------------------
#CFG สร้างทัศนคติการทำงาน
ให้ดีขึ้นในทุกวันแบบง่ายๆ
www.coachforgoal.com
![]() |
Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking |
เป้าหมายหลักขององค์กรมีหลายด้าน คนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ คือ ผู้บริหาร อย่างไรก็ตามการที่ผู้บริหาร หรือ ผู้นำจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากการมี Leadership Mindsets ที่ถูกต้องเหมาะสมด้วย องค์กรจะพัฒนาผู้บริหารให้เป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร มาดู Key takeaway จาก Mini Workshop ของเรากันครับ
โลกเราไม่เคยหยุดนิ่ง และยิ่งมีสปีดของการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ่นเรื่อยๆ แล้วองค์กรจะพัฒนาผู้นำอย่างไรในโลกที่ไม่แน่นอน ใน Mini Workshop ของ อ. คม สุวรรณพิมล จึงมีได้นำประเด็นนี้มาอัพเดท ให้ผู้บริหารทุกท่านได้ เตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาการบริหารให้ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับโลกที่ไม่แน่นอน (uncertain World) มาดู Key takeaway จาก Mini Workshop ของเรากันครับ
สาเหตุที่ต้องพัฒนาผู้นำองค์กร ให้บริหารอย่างสมดุล ตามแนวคิดของ Diamond Management ก็คือ ผู้บริหารแต่ละคน มักจะมี "ท่าถนัด" หรือ สไตล์ในการบริหารต่างกันมากเกินไป ถ้าคุณเป็นผู้นำแล้ว เราลองใช้นิยามหัวหน้า ใน Info นี้ ดูตัวเองนะครับ ว่าท่าถนัดเราคือแบบไหน? มีหลงลืมท่าที่ไม่ถนัดแต่จำเป็นตัวไหนบ้างไหม? แล้วมาลองปรับด้านที่เหลือกันครับ
โดยทั่วไป คนมักจะมีความถนัดของตัวเอง ทั้งจากประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกัน หรือ บางคนก็ใช้ความเชื่อของตัวเองในการบริหาร จึงทำให้มักใช้หลักการบางตัวเท่านั้นในหลายๆ สถานการณ์ ทว่า การเป็นผู้นำที่ดีนั้น จำเป็นต้องใช้ให้ถูกสถานการณ์จึงจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมในการทำงาน ซึ่งมีดังนี้
High Performance Environtment คือ บรรยากาศการทำงานที่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานอย่างมากครับ เพราะจะส่งผลต่อความรู้สึก ทัศนคติ และพฤติกรรมในการทำงานของพนักงาน
ทักษะการคิด เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับอนาคต และคนทำงานจะอยู่ยากถ้าปราศจากระบบความคิดที่เหมาะสม กูรูหลายท่านระดับโลกจึงมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันครับว่า ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่จะช่วยได้ ก็คือ การยกระดับระบบการคิด ซึ่งได้แก่