แวดวง HR สะเทือน AI ทำนายการลาออกแม่นยำถึง 95%

วันที่: 17 ก.ค. 2562 15:59:57     แก้ไข: 08 ส.ค. 2562 09:25:29     เปิดอ่าน: 1,796     Blogs

แวดวง HR สะเทือนอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่า AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ สามารถทำนายแนวโน้มการลาออกของพนักงานได้ ด้วยความแม่นยำถึง 95% แล้ว

โปรแกรมที่ว่า คือ โครงการ Predictive Attrition Program เพื่อการทำนายการลดจำนวนพนักงาน นั่นเอง

IBM HR ได้จดสิทธิบัตรของโปรแกรมนี้ไว้แล้ว ซึ่งมันทำงานด้วยการใช้ AI ที่พัฒนาต่อยอดจาก IBM Watson ซึ่งเป็น product หนึ่งของบริษัทที่พัฒนาขึ้นตามแนวทางการเรียนรู้ของมนุษย์ นั่นคือ ไม่ใช่แค่ ระบบ ถาม-ตอบคำถาม ตามฐานข้อมูลเท่านั้น แต่ระบบสามารถ ทำความเข้าใจ (understand) ให้เหตุผล (reason) และสามารถเรียนรู้ (learn) จากข้อมูลรวมถึงปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้ได้

AI ตัวนี้ จะวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆของพนักงาน จากนั้นจะทำนายผลว่าพนักงานมีแนวโน้มจะลาออกจากบริษัทมากน้อยแค่ไหน แล้วจึงแนะนำสิ่งที่ผู้จัดการ หรือ หัวหน้าทีมควรทำในการเข้าหาพูดคุยกับพนักงานรายนั้น

Ginni Rometty ซีอีโอของ IBM บอกว่า บริษัทของเธอได้ใช้ AI นี้ช่วยคาดการณ์การลาออกของพนักงานได้แม่นยำถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ! 

พูดถึงแค่ความแม่นยำ ยังอาจน่าตกใจไม่พอ แต่ถ้าบอกว่าเม็ดเงินที่ AI สามารถลดค่าใช้จ่าย ในการรักษาพนักงาน (Retention) ได้ถึง ราวๆ 300 ล้านเหรียญ หรือ ประมาณ 9 พันล้านบาท !! 

คงไม่ใช่แค่ผู้บริหารองค์กรที่หูผึ่งกับสิ่งนี้แล้วล่ะ เพราะทาง HR เองก็คงเสียวแว๊บเช่นกัน เพราะ ทาง IBM เผยว่า เมื่อใช้งาน AI ตัวนี้ แล้ว ขนาดฝ่ายทรัพยากรบุคคลลดลงไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่า ถ้ามีบริษัทเรามี HR สัก 10 คน เพื่อนเราก็จะหายไป 3 คน นั่นแหละ 

แต่ ซีอีโอ IBM ยังมองในแง่ดีว่า เพราะ ถึง AI จะเข้ามามีบทบาท ก็ในความเป็นจริง องค์กรก็ยังต้องพึ่ง ทักษะฝ่าย HR ที่เป็นคนจริงๆ อยู่ดี เพื่อพิจารณาในรายละเอียดว่าพนักงานต้องการอะไร หรือ แม้แต่ต้องใช้ทักษะ การพูดคุยประสามนุษย์ที่มีเลือดเนื้อจิตใจเหมือนกัน เพื่อรั้งพวกเขาไว้กับบริษัท

ดังนั้น การลดเวลาที่ไม่จำเป็นด้วยการใช้ AI ทดแทน จึงทำให้ มนุษย์ชาว HR อย่างเราๆ ได้มีเวลาไปพัฒนาทักษะด้านอื่นที่จำเป็นจริงๆ ต่างหาก

ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแค่คำพูดปลอบใจหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่น่าคิด คือ ไม่ว่าจะเป็น HR หรือ พนักงานในบทบาทใดก็แล้วแต่ ต้องได้ระบบผลกระทบจาก AI แน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว 
และ ผู้ที่จะอยู่รอดได้ คือ คนที่มุ่งพัฒนาตัวเองในทักษะที่สำคัญต่องานอยู่เสมอ และหนึ่งในนั้น คือ ทักษะด้านคน ที่ AI เหล่านี้ ยังทำไม่ได้ดีนั่นเอง 

 

บทความโดย

Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG 
 
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property
Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking
 
Tags   AI   HR   ลาออก   Empathy  

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Key Takeaways จาก Leading with Purpose Mini-Workshop สรุปเนื้อหาและ Key Takeaways ที่น่าสนใจจากงานมินิเวิร์คชอป Leading with Purpose โดย อ. คม สุวรรณพิมล เกี่ยวกับ การพัฒนาผู้นำให้สอดคล้องกับ Organizational Purpose ซึ่งในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรได้ทบทวนถึงเหตุผลในการคงอยู่ของธุรกิจไม่ว่าจะเป็น คุณค่าที่ส่งมอบ ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนกระบวนการทั้งหมดขององค์กรเองว่าได้สอดคล้องกับความมุ่งหวังที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด
Key Takeaways จาก Leading with Purpose Mini-Workshop

สรุปเนื้อหาและ Key Takeaways ที่น่าสนใจจากงานมินิเวิร์คชอป Leading with Purpose โดย อ. คม สุวรรณพิมล เกี่ยวกับ การพัฒนาผู้นำให้สอดคล้องกับ Organizational Purpose ซึ่งในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ทำให้องค์กรได้ทบทวนถึงเหตุผลในการคงอยู่ของธุรกิจไม่ว่าจะเป็น คุณค่าที่ส่งมอบ ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนกระบวนการทั้งหมดขององค์กรเองว่าได้สอดคล้องกับความมุ่งหวังที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด

มารู้จัก A.I. แบบเข้าใจง่าย ใน 1 หน้ากระดาษ AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นองค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงสมัยสมัยใหม่ ด้วยความสามารถในการจำลองและสร้างความคิดเห็นเชิงปัญญาที่มีความเป็นมนุษย์ได้ การพัฒนา AI ได้เกิดแนวคิดและเทคนิคหลายแบบเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและจำลองกระบวนการคิดของมนุษย์ได้ ดังนั้นเราสามารถแบ่งประเภทของ AI ได้เป็นระดับต่อไปนี้
มารู้จัก A.I. แบบเข้าใจง่าย ใน 1 หน้ากระดาษ

AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นองค์ประกอบสำคัญของเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงสมัยสมัยใหม่ ด้วยความสามารถในการจำลองและสร้างความคิดเห็นเชิงปัญญาที่มีความเป็นมนุษย์ได้ การพัฒนา AI ได้เกิดแนวคิดและเทคนิคหลายแบบเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและจำลองกระบวนการคิดของมนุษย์ได้ ดังนั้นเราสามารถแบ่งประเภทของ AI ได้เป็นระดับต่อไปนี้

ประชุม online ให้ได้ประสิทธิภาพ จากคำแนะนำของ  Havard Business Review ประชุม online ให้ได้ประสิทธิภาพ จากคำแนะนำของนักวิจัยและที่ปรึกษาด้านผู้นำ Havard Business Review ครับ
กดที่ภาพเพื่อดู infographic แบบเต็มๆ นะครับ
ประชุม online ให้ได้ประสิทธิภาพ จากคำแนะนำของ Havard Business Review

ประชุม online ให้ได้ประสิทธิภาพ จากคำแนะนำของนักวิจัยและที่ปรึกษาด้านผู้นำ Havard Business Review ครับ กดที่ภาพเพื่อดู infographic แบบเต็มๆ นะครับ

กฎ 10 ประการในการประชุมแบบ อลัน มูลัลลี่ (Allan Mulally) อลัน มูลัลลี่ คือ อดีต CEO ของ Ford Motor ผู้เคยบริหารงานจนพลิกวิกฤตของ Boeing ได้นำวิธีการบริหารที่ประสบความสำเร็จมาใช้ หนึ่งในนั้นคือวิธีการประชุม Business Plan Review ที่มีกฎ 10 ประการ เพื่อให้พนักงานได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมและมุ่งหาผลลัพธ์ร่วมกันอย่างแท้จริง
กฎ 10 ประการในการประชุมแบบ อลัน มูลัลลี่ (Allan Mulally)

อลัน มูลัลลี่ คือ อดีต CEO ของ Ford Motor ผู้เคยบริหารงานจนพลิกวิกฤตของ Boeing ได้นำวิธีการบริหารที่ประสบความสำเร็จมาใช้ หนึ่งในนั้นคือวิธีการประชุม Business Plan Review ที่มีกฎ 10 ประการ เพื่อให้พนักงานได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมและมุ่งหาผลลัพธ์ร่วมกันอย่างแท้จริง

บริหารเวลาเป็น จะไม่เห็นดินพอกหางหมู ด้วยเทคนิค ​OHIO  การเลือกจะผลัดวันประกันพรุ่งนี่แหละ ที่ทำให้งานของคุณจะยิ่งยากและใช้เวลาจัดการกับนานขึ้น โดยเฉพาะ "งานเล็กๆ น้อยๆ" แถมในบางครั้ง งานเดิมก็กลับงอกมาภายหลังจนเป็นอุปสรรคเสียเอง การบริหารเวลาแบบ OHIO จึงแนะนำวิธีจัดการเวลา โดย
บริหารเวลาเป็น จะไม่เห็นดินพอกหางหมู ด้วยเทคนิค ​OHIO

การเลือกจะผลัดวันประกันพรุ่งนี่แหละ ที่ทำให้งานของคุณจะยิ่งยากและใช้เวลาจัดการกับนานขึ้น โดยเฉพาะ "งานเล็กๆ น้อยๆ" แถมในบางครั้ง งานเดิมก็กลับงอกมาภายหลังจนเป็นอุปสรรคเสียเอง การบริหารเวลาแบบ OHIO จึงแนะนำวิธีจัดการเวลา โดย

บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิค  POMODORO  เทคนิคการบริหารเวลาแบบ Pomodoroนี้ ถูกพัฒนาจาก ฟรานเชสโก้ ซีริลโล (Francesco Cirillo) ช่วงยุค
บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคนิค POMODORO

เทคนิคการบริหารเวลาแบบ Pomodoroนี้ ถูกพัฒนาจาก ฟรานเชสโก้ ซีริลโล (Francesco Cirillo) ช่วงยุค '80 มันคือวิธีการเดียวกับการแบ่งสลอตเวลาออกเป็นช่วงๆ แล้วโฟกัสกับงานให้ได้ จนกว่าเวลาที่แบ่งจะหมดลง โดยวิธีการ คือ