แวดวง HR สะเทือนอีกครั้ง เมื่อมีข่าวว่า AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ สามารถทำนายแนวโน้มการลาออกของพนักงานได้ ด้วยความแม่นยำถึง 95% แล้ว
โปรแกรมที่ว่า คือ โครงการ Predictive Attrition Program เพื่อการทำนายการลดจำนวนพนักงาน นั่นเอง
IBM HR ได้จดสิทธิบัตรของโปรแกรมนี้ไว้แล้ว ซึ่งมันทำงานด้วยการใช้ AI ที่พัฒนาต่อยอดจาก IBM Watson ซึ่งเป็น product หนึ่งของบริษัทที่พัฒนาขึ้นตามแนวทางการเรียนรู้ของมนุษย์ นั่นคือ ไม่ใช่แค่ ระบบ ถาม-ตอบคำถาม ตามฐานข้อมูลเท่านั้น แต่ระบบสามารถ ทำความเข้าใจ (understand) ให้เหตุผล (reason) และสามารถเรียนรู้ (learn) จากข้อมูลรวมถึงปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้ได้
AI ตัวนี้ จะวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆของพนักงาน จากนั้นจะทำนายผลว่าพนักงานมีแนวโน้มจะลาออกจากบริษัทมากน้อยแค่ไหน แล้วจึงแนะนำสิ่งที่ผู้จัดการ หรือ หัวหน้าทีมควรทำในการเข้าหาพูดคุยกับพนักงานรายนั้น
Ginni Rometty ซีอีโอของ IBM บอกว่า บริษัทของเธอได้ใช้ AI นี้ช่วยคาดการณ์การลาออกของพนักงานได้แม่นยำถึง 95 เปอร์เซ็นต์ !
พูดถึงแค่ความแม่นยำ ยังอาจน่าตกใจไม่พอ แต่ถ้าบอกว่าเม็ดเงินที่ AI สามารถลดค่าใช้จ่าย ในการรักษาพนักงาน (Retention) ได้ถึง ราวๆ 300 ล้านเหรียญ หรือ ประมาณ 9 พันล้านบาท !!
คงไม่ใช่แค่ผู้บริหารองค์กรที่หูผึ่งกับสิ่งนี้แล้วล่ะ เพราะทาง HR เองก็คงเสียวแว๊บเช่นกัน เพราะ ทาง IBM เผยว่า เมื่อใช้งาน AI ตัวนี้ แล้ว ขนาดฝ่ายทรัพยากรบุคคลลดลงไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ว่า ถ้ามีบริษัทเรามี HR สัก 10 คน เพื่อนเราก็จะหายไป 3 คน นั่นแหละ
แต่ ซีอีโอ IBM ยังมองในแง่ดีว่า เพราะ ถึง AI จะเข้ามามีบทบาท ก็ในความเป็นจริง องค์กรก็ยังต้องพึ่ง ทักษะฝ่าย HR ที่เป็นคนจริงๆ อยู่ดี เพื่อพิจารณาในรายละเอียดว่าพนักงานต้องการอะไร หรือ แม้แต่ต้องใช้ทักษะ การพูดคุยประสามนุษย์ที่มีเลือดเนื้อจิตใจเหมือนกัน เพื่อรั้งพวกเขาไว้กับบริษัท
ดังนั้น การลดเวลาที่ไม่จำเป็นด้วยการใช้ AI ทดแทน จึงทำให้ มนุษย์ชาว HR อย่างเราๆ ได้มีเวลาไปพัฒนาทักษะด้านอื่นที่จำเป็นจริงๆ ต่างหาก
ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแค่คำพูดปลอบใจหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่น่าคิด คือ ไม่ว่าจะเป็น HR หรือ พนักงานในบทบาทใดก็แล้วแต่ ต้องได้ระบบผลกระทบจาก AI แน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
และ ผู้ที่จะอยู่รอดได้ คือ คนที่มุ่งพัฒนาตัวเองในทักษะที่สำคัญต่องานอยู่เสมอ และหนึ่งในนั้น คือ ทักษะด้านคน ที่ AI เหล่านี้ ยังทำไม่ได้ดีนั่นเอง
![]() |
Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking |
เรารู้กันแล้วว่า องค์กรจะเป็น Future Organization ที่อยู่รอดและสู้ความวุ่นวายจาก VUCA World ได้ ต้องมีคุณลักษณะ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. Identity ตัวตนขององค์กร ว่าดำรงอยู่เพื่ออะไร เหมาะสมกับพนักงานและลูกค้าหรือไม่? 2. Agility วิธีการดำเนินงานขององค์กรในอนาคต ความเร็ว ความคล่องตัวกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ องค์ฏรเรามีมากแค่ไหน 3. Sclability องค์กรจะเติบโตต่อไปในอนาคตได้อย่างไร ด้วยการเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ นวัตกรรม โดยกล้าเปลี่ยนแปลง
ในเกมธุรกิจ "ชัยชนะ" เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องการเสมอ หนทางสู่ความสำเร็จขององค์กร เกิดจากแผนการเล่นที่เหมาะสม พร้อมรับทุกสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะผันผวนหรือมีวิกฤตแค่ไหน The Winning GamePlan คือ แผนการเล่นพิเศษ เพื่อช่วยให้บุคลากรขององค์กร ซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ปรับตัวให้พร้อมกับทุกการเปลี่ยนแปลง และปรับวิธีการทำงาน เพื่อนำไปสู่ "ชัยชนะ" ในแบบที่องค์กรมุ่งหวัง
การประชุมทีมงาน เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำงาน เพราะเป็นช่องทางให้ทีมงาน ทั้งผู้นำและผู้ตามได้มีเวทีในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่รวดเร็ว และจัดการอุปสรรคที่ขวางทางไม่ให้ทีมงานบรรลุเป้าหมาย แล้วจะทำอย่างไร ให้ประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ
ในปีที่เราพบกับวิกฤติและการเปลี่ยนแปลงแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน เราประสบปัญหามากมาย บ้างก็ผ่านมาได้ บ้างก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่ Coach For Goal เชื่อว่า ทุกปัญหามีทางแก้เสมอ เพียงแต่เราจะค้นพบทางแก้นั้นเร็วหรือช้า
เรื่องราวของ Kodak ถูกนำมาโพสผ่านหน้าสื่อต่างๆ อีกครั้ง . ผมจำได้ว่าในช่วง 10 กว่าปีหลัง เรื่องราวของ Kodak มักถูกนำเสนอในแง่มุมของการเปลี่ยนแปลง ทางธุรกิจเสมอ (Change) ว่า Kodak เป็นสัญลักษณ์ ความเสื่อมถอย ล้าหลัง ปรับตัวไม่ทันจนตกยุค และหมดสภาพธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองในอดีต (พอๆกับโนเกีย)
เรื่องเล่าบนแท็กซี่ ภาค 3 . หลังหยุดยาว ก็เป็นปกติที่จำนวนรถบนท้องถนนจะหนาแน่นเป็นพิเศษ . เช่นเคย ผมยังคงนั่งแท็กซี่ไปทำงานเป็นปกติ . เพราะการเรียกแท็กซี่ในปัจจุบันไม่ได้ลำบากเหมือนแต่ก่อนแล้ว แค่เรากดมือถือ ก็มารับถึงหน้าบ้านได้เลย อีกทั้ง สะดวกดี ไม่ต้องหาที่จอด และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สามารถทำอะไรกลายๆ อย่าง ระหว่างการเดินทาง