7 สิงหาคม 1974

วันที่: 05 ก.พ. 2563 14:17:41     แก้ไข: 21 ก.ค. 2563 15:53:26     เปิดอ่าน: 1,786     Blogs
7 สิงหาคม 1974

ผู้คนเบื้องล่างตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์
ย่านแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์คที่สัญจรไปมาในละแวกนั้นสังเกตเห็น
ชายปริ
ศนาคนหนึ่งปรากฎกายอยู่กลางอากาศระหว่างตึกแฝด

เขายืนอยู่บนเส้นลวดที่ระดับความสูง 110 ชั้นของตึกที่สูงที่สุดของโลกในขณะนั้น

ฟิลิปป์ เปอตีต์ คือ ชื่อของชายชาวฝรั่งเศสผู้นี้ 
ซึ่งหลงไหลในการแสดงมายากลข
องคณะละครสัตว์เป็นอย่างมาก

เขามีความฝันและความตั้งใจที่แรงกล้าว่า ชาตินี้จะต้องไต่ลวดข้าม
"ตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์" ซึ่งกำลังจะได้ชื่อว่าเป็นตึ
กที่สูงที่สุดในโลกนี้ให้ได้

เส้นลวดที่ขึงตึงระหว่างสองตึกนั้น มีระยะแค่ 61 เมตร เท่านั้น
แต่เมื่อมันเป็นระยะทางที่อ
ยู่เหนือพื้นดินกว่า 400 เมตร
มันกลับกลายเป็นระยะทางที่ไ
กลอย่างไม่สิ้นสุด
และไม่น่าจะต่างอะไรกับการเ
ดินทางเพื่อพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรส

ทุกย่างก้าวจึงมีความสำคัญมาก หากพลาดแม้แต่ครั้งเดียว นั่นหมายถึงชีวิต

เปอตีต์เริ่มก้าวแรก ก่อนที่ผู้คนจะเริ่มสังเกตเห็นเขาในเวลาต่อมา
และพากันหยุดทำกิจกรรมทึ่ทำ
อยู่ จากนั้นทุกสายตาฝูงชนเบื้องล่าง
ก็จับจ้องมายังเขาราวกั
บต้องมนต์

ทุกคนต่างลุ้นระทึกและเอาใจช่วย เพื่อให้เขาสามารถเดินไปถึงอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย

ทว่า...สิ่งที่เปอตีต์ ทำในเวลาต่อมา กลับทำให้ผู้ชมใจหายกว่าเดิ

แทนที่เขาจะก้าวลงจากลวดเมื่อใกล้ถึงตึกอีกฝั่ง เขากลับหันหลังกลับ
แล้วเริ่มเดินบนลวดนั้นเป็น
รอบที่ 2 ....และรอบที่ 3...... ต่อไป

สุดท้าย การไต่ลวดบนยอดตึกระฟ้า จบลงที่รอบที่ 4 รวมเป็นเวลา
ทั้งสิ้น 50 นาที ตั้งแต่ 7.50 จนถึง 7.55 น.

นับจากนาทีนั้น ชายผู้ซึ่งเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน 5 หน
และถูกพ่อของตัวเองไล่ออกจา
กบ้าน เพราะรักในมายากลอย่างหัวปักหัวปำ

"ฟิลิปส์ เปอตีต์" ได้บรรลุเป้าหมายที่เขาฝันไว้ และกลายเป็นตำนานอีกบทของโลกใบนี้ไปตลอดกาล

เรื่องราวการเดินไต่ลวดของเปอตีต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ การเดินทางไปสู่จุดหมายในชีวิตคนเรา
ที่ต้องไปถึงปลายทางอีกฝั่งหนึ่ง หรือ "เป้าหมาย"

แม้เป้าหมายที่ขึงติดอยู่ปลายลวดอีกด้านของแต่ละคนจะแตกต่างกัน

แต่สิ่งที่จะนำพาให้ไปถึงอีกฝั่งได้เหมือนกัน
นั่นคือ "ความฝัน" หรือ ความอยากที่จะทำสิ่งนั้นอย่างสุดหัวจิตหัวใจ

เมื่อก้าวออกจากจุดเริ่มต้น
สติ และการจดจ่อ จะทำให้มีสมาธิอยู่กับสิ่งที่ทำ
เพื่อให้สามารถเดินตามแนวเส้นลวดนั้นได้อย่างถูกต้อง
และไปสู่เป้าหมายไม่ผิดทิศผิ
ดทาง

จากนั้นระหว่างทางก็ต้องรักษาสมดุลของตัวเอง
ไม่เอียงซ้าย ไม่เอียงขวาจนเกินพอดี
จนเสียหลัก เพราะความพลั้งพลาดบางอย่าง ก็ไม่ให้โอกาสแก้ตัวกับใคร

หนทางไปสู่เป้าหมาย ยากลำบากเสมอ
แต่หากมุ่งมั่น ก้าวทีละก้าว ก้าวเล็กๆ นั้นจะค่อยๆ
ขจัดคำว่า "เป็นไปไม่ได้" ออกไปเรื่อยๆ

ที่สุดแล้ว ความกลัวและอุปสรรคต่างๆ ก็จะหมดไปเอง

"The limits exist only in the minds of those who can not dream"

เมื่อเรามีความฝัน ข้อจำกัดต่างๆ ก็จะไม่ปรากฏในใจเรา

-Philippe Petit-
----------------------------------
Content: aniruthT

บทความโดย

Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG 
 
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property
Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking
 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ

บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่?
ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก

หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่? ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง

Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้
Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้