“จงตั้งเป้าหมายไว้ที่ดวงจันทร์ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไปไม่ถึง คุณก็ยังได้อยู่ท่ามกลางหมู่ดาว”
.
ผู้อ่านหลายคน คงเคยได้ยินคำคมนี้ผ่านหูกันนะครับ
ผมเองได้ยินคำพูดนี้ครั้งแรกจากโฆษณาชุดหนึ่งนานมาแล้วครับ
ต้องขออภัยจริงๆที่จำไม่ได้ว่าเป็นโฆษณาตัวไหน
.
คำพูดสุดคลาสสิกนี้ เป็นวาทะของเลส บราวน์ (Les Brown) นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และนักการเมืองของอเมริกา โดยมุ่งหมายให้คนทุกคน กล้าที่จะฝัน กล้าที่จะทำ
.
Moonshot จึงถูกนำมาใช้ในภารกิจยิ่งใหญ่ ที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก จนบางทีอาจถูกตั้งคำถามว่า คนตั้งเป้าหมายบ้าหรือเปล่า ที่ตั้งเป้าแบบนี้ขึ้นมา
.
คำว่า Moonshot นี้ เกิดครั้งแรก ในสมัยของการปล่อยจรวดไปสำรวจดวงจันทร์ของอเมริกาในปี 1969 สมัยของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีครับ
.
จากนั้น องค์กรระดับโลกเอง ก็นำคำว่า Moonshot มาใช้ โดยผู้นำจะตั้งเป้าหมายที่ท้าทายมากๆ ที่ไม่เคยมีการคิดมาก่อน เพื่อพลิกโลก แล้วทุ่มทรัพยากรและสรรพกำลังให้สุดความสามารถ เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้
.
เช่น Google ที่นิยามโปรเจคที่เป็น Moonshot ของตัวเองว่ามีองค์ประกอบสามด้านคือ
1. ต้องมุ่งแก้ปัญหาที่บิ้กเบิ้มจริงๆ (huge problem)
2. เป็นวิธีแก้ปัญหาถึงรากถึงโคน (radical solution)
3. ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง (ฺbreakthrough Technology)
.
ทำให้เกิดโปรเจคต่างๆ เช่น รถไร้คนขับ (Driverless Car) และแว่นตากูเกิ้ล (Google Glasses)
.
หรืออย่าง SpaceX ของอีลอน มัสก์ ก็มี Moonshot ที่สุดโต่ง คือ การอพยพคนไปดาวอังคารให้ได้ เป็นต้น (ซึ่งจริงๆ ควรเรียกว่า Marshot อาจจะตรงกว่า)
.
ปัจจุบันการตั้งเป้าหมายแบบนี้ ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้ง
เนื่องจาก โลกธุรกิจกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติจากหลายด้านมากๆ และปัญหาที่ต้องเผชิญก็มีความไม่แน่นนอน ซับซ้อน คลุมเคลือ ตลอดเวลา (อย่างปัญหาโควิดก็รวมอยู่ในนี้ด้วย)
.
คำว่า Moonshot Thinking จึงถูกนำมาใช้ เพื่อให้ผู้นำทุกคนมุ่งตั้งเป้าหมาย "ยิ่งใหญ่" ในแบบ "ยั่งยืน" และทำให้โลกโดยรวมของเราดีขึ้นและ "ยืนยง" ด้วย
.
ที่ว่าฟังดูเหมือน Moonshot จะต้องยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง และเป็นหน้าที่ของผู้นำระดับบนใช่ไหมครับ?
.
แต่จริงๆ แล้ว หากผู้อ่านเอง อยากจะตั้งเป้าหมายในแบบ Moonshot บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือ เรื่องทั่วไป ก็สามารถทำได้นะครับ เพียงแค่ตั้งเป้าหมายให้มีสามด้านดังนี้ คือ
..
1. เป็นเป้าหมายที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรามากๆ
2. ต้องยาก ไม่ง่ายที่จะเอื้อม อยู่นอก Comfort zone แต่มีทางที่จะสำเร็จได้
3. มองเห็นภาพอนาคตว่า หากสำเร็จ มันจะมีความหมายต่อชีวิต หรือ งานชิ้นนั้นจริงๆ
.
ฝันให้ไกล ตั้งใจให้เต็มที่ครับ แม้ไปไม่ถึง ก็ยังได้อยู่ท่ามกลางหมู่ดาวที่เรียกว่า "ประสบการณ์" และ "การเรียนรู้"
.
แล้ว Moonshot ของคุณ จะสำเร็จได้ในวันใดวันหนึ่งแน่นอนครับ
--------------------------------------------------
Content: อนิรุทธิ์

บทความโดย

Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG 
 
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property
Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking
 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ

บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่?
ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก

หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่? ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง

Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้
Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้