Effective Environment Management อยากให้ทีมทำงานดี ต้องมีบรรยากาศที่เหมาะสม New

วันที่: 16 ม.ค. 2566 08:32:30     แก้ไข: 23 ม.ค. 2566 16:33:21     เปิดอ่าน: 785     Blogs
Building Effective Environment 

การบริหารแบบ Building Effective Environment ดูคล้ายๆเป็นการบริหารตามปกติที่หัวหน้าทุกคนต้องทำ แต่เชื่อหรือไม่ว่า การสร้างบรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพนั้น กลับเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ และไม่สามารถสร้างได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพราะมันเป็นเรื่องของความรู้สึกของแต่ละบุคคลภายในทีมมารวมกัน อีกทั้งการวัดผลการยาก เพราะการสร้างบรรยากาศแบบ Effective Environment ต้องอาศัย ความไว้วางใจซึ่งกันและกันภายในทีม หัวหน้าไว้ใจทีมงาน ทีมงานไว้ใจหัวหน้า และทีมงานไว้ใจซึ่งกันและกัน ซึ่งถ้าโซ่ของความไว้วางใจตรงไหนเกิดขาดไป ก็จะส่งผลเสียต่อบรรยากาศการทำงานได้ ดังนั้นการบริหารแบบนี้ หัวหน้าโดยส่วนใหญ่ก็จะ รู้ว่าต้องทำ(What) และรู้ว่าต้องทำอย่างไร (How) ด้วย แต่มักจะปฏิบัติจริงไม่ค่อยสำเร็จมากนัก
หลักและขั้นตอนการสร้าง Effective Environment ซึ่งหัวหน้าจะต้องปฏิบัติมีดังนี้
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดี จุดเริ่มต้นของการบริหารแบบ Effective Environment เริ่มต้นจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้าและทีมงาน ถ้าเป็นไปได้คือมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมงานแต่ละคน 
  • มองข้อดีของทีมงาน และรับรู้และยอมรับสิ่งที่คนอื่นเป็น การยอมรับในตัวตนของคนอื่นไม่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวตนของคนอื่น ก็เป็นหนึ่งในวิธีการบริหารแบบ Effective Environment เพราะจะไม่เกิดการต่อต้านจากทีมงาน ประกอบกับ เมื่อยอมรับคนอื่นก็จะเรามองเห็นข้อดีของคนอื่น ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อใจซึ่งกันและกัน 
  • ให้ความสำคัญกับคนอื่น และเปิดโอกาสกับทีมงาน เมื่อเริ่มขั้นตอนการสร้างความสัมพันธ์และการยอมรับผู้อื่นแล้ว จะเริ่มทำให้ความไว้วางใจเกิดขึ้น หลังจากนั้น หัวหน้าต้องเปิดโอกาสในการทำงานให้กับทีมงาน โดยมีเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนให้ทีมงาน และส่งเสริมทีมงานให้ได้รับมอบหมายงานที่มีคุณค่า ณ จุดนี้ทีมงานจะได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมา ซึ่งทีมงานก็จะแสดงมันออกมาเต็มที่ จะทำให้บรรยากาศการทำงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากจะดีแล้วยังเป็นบรรยากาศที่พุ่งเป้าไปสู่การทำงานให้สำเร็จ
  • แลกเปลี่ยน ความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ เมื่อทีมงานได้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพแล้ว สิ่งที่ทีมงานต้องการคือการพัฒนา และ ทำให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นหัวหน้าจึงควรต้องเปิดโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิด และประสบการณ์ซึ่งกันและกันซึ่งจะทำให้ทีมงานรู้สึกถึงความใส่ใจในงานและคนไปพร้อมๆกัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการบริหารแบบ Effective Environment
คุณลักษะสำคัญของหัวหน้าที่บริหารแบบ Effective Environment ได้ประสบความสำเร็จ

การบริหารแบบ Effective Environment ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้มีเทคนิคอะไรที่ซับซ้อนแต่สำคัญที่ จิตใจหรือ Mindsets ของหัวหน้าที่มีต่อคนอื่น เป็นสำคัญ โดยสรุป คุณลักษณะของหัวหน้าที่เป็น Environment Master มีดังนี้
  • ใจกว้างเปิดรับฟังความคิดเห็นของทีม
  • มีทักษะในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี 
  • ให้ความสำคัญกับทีมแต่ละคนเท่าเทียมกัน
  • มีความต้องการที่จะพาทีมมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน
  • เต็มใจให้ความช่วยเหลือทีมเพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้
  • สามารถกำหนดการทำงานของแต่ละคนตามกลยุทธ์ที่กำหนดได้

การพัฒนาหัวหน้างานให้มีคุณสมบัติเป็น Environment Master 

ส่วนใหญ่แล้วจะให้ความความสำคัญไปที่ การพัฒนา Mindsets ในการมีภาวะผู้นำ (Leadership) โดยการพัฒนาหัวหน้าให้บริหารแบบ Effective Environment ได้ประสบความสำเร็จมีดังนี้
  • พัฒนา Leadership Mindsets ให้เป็นหัวหน้าที่มี Mindsets ดังนี้ Respect, Empathy, Contribution เพื่อช่วยให้หัวหน้ามีมุมมองกับทีมงานที่ดี และพร้อมช่วยเหลือทีมงานอย่างเต็มที่
  • พัฒนา Interpersonal Skills เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่ง จะช่วยทั้งการฟัง การพูด การแลกเปลี่ยนความคิดอย่างมีหลักการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ 
  • พัฒนา Motivation & Convincing Skills เพื่อให้การทำงานกับทีมราบรื่นและเป็นไปในทิศทางที่ต้องการด้วยความเต็มใจของทีม
  • พัฒนาการFollow up และ การให้ Feedback เพื่อช่วยให้ มีการติดตามและแก้ไขการพัฒนาของทีมงานอย่างเหมาะสมอย่างทันท่วงที จนทีมงานสามารถทำงานให้ประสบความสำเร็จที่ต้องการ
หัวใจสำคัญในการบริหารแบบ Effective Environment คือหัวหน้าต้องสร้างให้ทีมงานเกิดวัฒนธรรมการทำงานภายในทีมที่ทุกคนยึดมั่น Repect, Open, Challenge
  • Respect เป็นการทำให้ทุกคน ยอมรับในความเท่าเทียมกันของคนในทีม ซึ่งจะช่วยทำให้ ทีมงานเกิดการยอมรับซึ่งกันและกัน 
  • Open จะช่วยให้ทุกคนเปิดใจกับความคิดและไอเดียของทีมงานอย่างจริงใจ พร้อมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างมีเหตุผล
  • Challenge คือการที่ทีมงานแต่ละคนจะพิจารณาตนเองว่าตนเองสามารถพัฒนาในการทำงานให้ดีขึ้นได้อีกได้อย่างไร โดยลดการกล่าวโทษทีมงานคนอื่น

จากการที่หัวหน้าที่มีคุณสมบัติในการเป็น Environment Master และสามารถสร้างให้ทีมงานเกิดการทำงานร่วมกันด้วยวัฒนธรรมRespect Open Challenge จะส่วนส่งเสริมให้เกิด Effective Environment และทำให้เป้าหมายขององค์กรด้านการสร้าง Engagement และ Stability บรรลุผลสำเร็จ

บทความโดย

Kom Suwanpimon (คม สุวรรณพิมล)
CEO & Founder / Coach For Goal Group 
 
  • Top Management Executive in Finacial Companies
  • Executive Coach & Business Development Consultant
  • Newspaper Columnnist & Author
     
Interesting Areas:
Business Results Inprovement, Leadership Development, Executive & performance Coaching, People Attitude & Behavior
 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ

บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่?
ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก

หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่? ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง

Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้
Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้