Top 5 Business Challenges To Watch In 2022

วันที่: 14 มี.ค. 2565 10:04:03     แก้ไข: 28 เม.ย. 2565 10:15:06     เปิดอ่าน: 1,166     Blogs
ในปี 2022 นี้ ปัจจัยที่ส่งกระทบต่อการดำเนินธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องมาจากการระบาดของโควิค 19 ทั่วโลก ซึ่งยังคงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลา2 ปีที่ผ่านมา
 
ถึงแม้หลายองค์กรได้มีการปรับตัว เพื่ออยู่ในรอดในสถานการณ์ดังกล่าว แต่เนื่องจากความรุนแรงที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกทำให้การปรับตัวนี้ส่งผลในเชิงบวกได้อย่างไม่เร็วนัก The COVID-19 ได้ดิสรัปแผนการต่างๆของบริษัทเป็นจำนวนมาก และบีบบังคับให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและ ใช้มาตรฐานการทำงานใหม่ๆ และต้องหันไปพึ่งพาธุรกิจดิจิตัลมากยิ่งขึ้น
 
จากการสำรวจของ McKinsey & Company ลูกค้าที่ใช้ดิจิตัลมีการเพิ่มขึ้นจาก 36% เป็น 58% และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นทุกองค์กรจึงปรับแนวทางการทำธุรกิจไปทางดิจิตัลมากยิ่งขึ้น เพื่อความอยู่รอด
 
ทั้งที่ในบางครั้งบางองค์กรยังไม่มีความพร้อมมากนักทำให้การปรับตัวเป็นปัญหา และส่งผลเสียตามมา ทั้งในด้านการแข่งขันในตลาด และความพร้อมของพนักงานในองค์กร
 
ส่วนสำคัญในการแข่งขัน คือ การส่งมอบสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้ได้
 
ดังนั้นองค์กรจะต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีทิศทางที่ชัดเจนภายใต้เงื่อนไขที่เปลี่ยนไปของตลาด จนเกิดนวัตกรรมทาง digital business model แต่ไม่ใช่ทุกองค์กรจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
การเอาชนะการแข่งขันในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม เพื่อให้ได้รายได้ จำเป็นต้องมีความพร้อมที่จะเอาชนะปัญหาด้วยการเตรียมพร้อมทั้งแผนการทำงานและวิสัยศ์ที่เด่นชัด และบุคลากรที่พร้อมปรับตัวเข้ากับทิศทางการทำงานที่แตกต่างจากเดิมและเต็มใจที่จะเดินไปด้วยกันกับองค์กรยุคใหม่
 
ดังนั้นในบทความนี้ จะขอรวบรวมความท้าทายทางธุรกิจที่องค์กรมักเผชิญอยู่เพื่อที่จะหาแนวทางเอาชนะและข้ามผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปให้ได้เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและอยู่รอดต่อไปอย่างยั่งยืน
 
สรุปได้ว่าปัญหาและอุปสรรคที่องค์กรธุรกิจต้องเผชิญและต้องเอาชนะให้ได้เพื่อความอยู่รอดในปี 2022 หรือ ปี 2565 คือ ความท้าทาย 5 เรื่องหลักๆ ดังต่อไปนี้
 
1. ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงธุรกิจ (Cannot Achieve Business Target)
2. การขาดแคลนพนักงานในกลุ่ม Talent (Talent Crunch)
3. การทำงานแบบ Hybrid ทำให้ความร่วมมือในการทำงานน้อยลง
(Hybrid work cause low collaboration)
4. หัวหน้าไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป (No Leader Leadership)
5. วิธีการทำงานที่เปลี่ยนไป (Changing the way of work)
 
-------------------------------------------
1. Cannot Achieve Business Target
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกในสองปีที่ผ่านมาส่งผลให้การคาดการณ์ต่าง ๆ ทางธุรกิจเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งความต้องการของลูกค้า ตลาดที่เปลี่ยนไป การแข่งขันทั้งกับคู่แข่งทั้งในและนอกธุรกิจ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วจนแทบจะตามไม่ทัน จากปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ได้ลดทอนประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรลง จนส่งกระทบต่อผลการดำเนินงาน บริษัทส่วนใหญ่ไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ ซึ่งความท้าทายนี้ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ในปีนั้นแต่อาจส่งผลต่อความอยู่รอดขององค์กรในระยะยาว
 
2.Talent Crunch
ในปี 2022 ปัญหาด้านการขาด Talents หรือ พนักงานที่มีความสามารถเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Talent ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ การปรับตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีทักษะในด้านดิจิทัล
 
หลายองค์กรมีแนวโน้มสูญเสีย talent ขององค์กรอันเนื่องมาจากความต้องการในตลาดแรงงานมีอยู่สูงมาก พนักงานในกลุ่มนี้มีการลาออกในอัตราที่สูง ในขณะเดียวกันองค์กรก็ไม่สามารถดึง Talent ในตลาดให้เข้ามาทำงานด้วยได้ และยังไม่สามารถพัฒนาพนักงานในปัจจุบันให้เป็น Talent ได้ทันใช้งาน
 
3. Hybrid work cause to low collaboration
เกือบทุกองค์กรในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการทำงานแบบ Hybrid Working ทำให้พนักงานไม่ได้เจอหน้าทีมงานหรือหัวหน้า ทุกคนต้องทำงานอย่าง independent ส่งผลให้ขาดความร่วมมือและปฏิสัมพันธ์กันในระหว่างทีมซึ่งเป็นพื้นฐานของมนุษย์
 
หลายครั้งพนักงานไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร การทำงานและการตัดสินใจขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลเป็นหลัก เป้าหมายส่วนตัวเด่นชัดกว่าเป้าหมายของทีม ซึ่งการสร้าง Collaboration ในยุคนี้ก็แตกต่างไปจากการทำงานร่วมกันเป็นทีมสมัยก่อน ดังนั้นความท้าทายด้าน Collaborate ในยุค Hybrid Working จึงกลายเป็นปัญหาอย่างหนึ่งขององค์กร
 
4. No Leader Leadership
หัวหน้าไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ปัญหาด้านภาวะผู้นำเป็นปัญหาพื้นฐานของทุกองค์กรตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าวันนี้บริบทการทำงานของผู้นำได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง บทบาทของหัวหน้าในฐานะผู้จัดการหรือผู้บังคับบัญชาไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ การตัดสินใจ การชี้แนะหรือชี้นำล้วนไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ในการทำงานแบบ Hybrid working พนักงานทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยตนเองและทำงานได้อย่าง Independent บทบาทใหม่ของผู้นำคือการ Facilitate ทีมงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการเน้นให้ทีมงานมีอิสระและความคล่องตัวในการทำงานมากที่สุด
 
ทั้งนี้ การวางแผนร่วมกัน การจัดลำดับความสำคัญให้ทีม และการทำงานอย่างมีระบบยังคงต้องมีอยู่ เปลี่ยนจากการจัดการเป็นการ สนับสนุนให้ทีมทำงานให้สำเร็จ
 
5. Changing the way of work
วิกฤตโควิด 19 นำมาซึ่งการปรับตัวต่อการทำงานแบบใหม่ skill ใหม่ๆ หรืออาชีพใหม่ๆ สิ่งนี้เป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นกับพนักงานทุกระดับในองค์กร โลกที่เปลี่ยนเร็วส่งผลกระทบต่อทั้งวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ รวมถึงกระบวนการทำงานในองค์กร แม้ว่ายุคนี้ ทุกคนยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาคือ พนักงานสามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วและมีประสิทธิภาพเพียงพอในการผลักดันองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าหรือไม่ เราจึงเห็นเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างคนทำงานที่ปรับตัวต่อสถานการณ์ได้ดีและคนที่ยังปรับตัวไม่ได้ คนกลุ่มที่ปรับตัวได้ก็จะมีความสุขกับวิถีการทำงานแบบใหม่ แต่บางคนที่ปรับตัวไม่ได้ว่าเส้นแบ่งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวอยู่ตรงไหน ก็อาจเกิดภาวะเครียด หมดไฟ และหมดใจในการทำงานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทัศนคติและความสามารถของพนักงานเป็นสำคัญ
 
จากความท้าทายห้าเรื่องข้างต้นทำให้การบริหารธุรกิจในปีนี้ อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ได้ ดังนั้นนอกจากรู้ว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว จึงควรหา แนวทางป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ปัญหาข้างต้นจะเป็นต้นตอจนลุกลามจนเป็นปัญหาใหญ่นะครับ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ

บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่?
ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก

หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่? ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง

Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้
Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้