การบริหารทีม ควรมี Empathy หรือ Sympathy?

วันที่: 24 ก.ค. 2562 11:13:47     แก้ไข: 28 ม.ค. 2563 16:36:38     เปิดอ่าน: 5,250     Blogs

"ถ้าจะให้งานเสร็จ ต้องอย่าไปเห็นอกเห็นใจลูกน้องมากนัก"

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอหัวหน้าที่เป็นแบบนี้ ที่เวลาทำงานมักจะเน้นเป้าหมายในงานไว้ก่อน และเชื่อว่า ความเห็นอกเห็นใจ ทำให้รู้สึกสงสารเป็นความรู้สึกที่สร้างอุปสรรคสำคัญต่อการทำงาน และดูเป็นผู้นำที่โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่เด็ดขาด และขาดจุดยืน 

ผลที่ตามมา คือ งานอาจสำเร็จจริง แต่ก็ทำให้สูญเสียความไว้ใจจากลูกน้องในทีมไปด้วย

จริงๆ แล้ว ความเห็นอกเห็นใจ มีสองความหมาย

ความหมายแรก คือ ความเห็นอกเห็นใจ ในแบบ Sympathy คือ ความสงสาร คล้อยตามอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น เช่น เมื่อเห็นลูกน้องทุกข์ จะรู้สึกสงสารเห็นใจ จนอาจยืดหยุ่นแนวทางข้อบังคับบางอย่างให้

ส่วนอีกแบบ คือ ความเห็นอกเห็นใจแบบ Empathy ซึ่งความหมายรวมถึง ความเข้าอกเข้าใจทั้งในด้านอารมณ์ (Emotion) และเข้าใจมุมมอง (Perspective) ความคิดของคนอื่น (แม้ว่าอาจไม่เห็นด้วยก็ตาม)

ผู้นำที่มี Empathy เมื่อเห็นลูกน้องทุกข์ จะพยายามรับรู้มุมมองความคิดเขาที่มีต่อสถานการณ์นั้น และนำไปสู่การช่วยเหลือหาหนทางที่เหมาะสมสำหรับทั้งสองฝ่ายเพื่อไปสู่ "เป้าหมาย" ในงานของทีม

Empathy จึงมากกว่าความสงสาร และเป็นคุณลักษณะจำเป็นที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพต่อการบริหารทีมงานในยุคอนาคต ที่ไม่ใช่แค่ทำให้บริหารทีมราบรื่น แต่ทำให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจโดยตรง 

เช่น โครงการอริสโตเติ้ลของกูเกิ้ล ในปี 2017 ที่พบว่าไอเดียสำคัญทางธุรกิจมาจากทีมที่มีสมาชิกหลากหลายและสมาชิกเหล่านั้นมีการเปิดรับมุมมอง และ "พยายามเข้าอกเข้าใจ" ไอเดียของกันและกันมากกว่าทีมที่รวมแต่คนเก่งๆ เพียงอย่างเดียว 

ผู้นำที่มี Empathic Leadership นอกจากทำให้สมาชิกทำงานร่วมกันได้ ยังช่วยเป็น Role model ที่สร้างนิสัย Empathy ให้เกิดกับสมาชิกในทีมแต่ละคน อีกด้วย

Empathy ไม่ใช่ "ความรู้สึก" แต่เป็น "ทักษะ" จึงสามารถฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ การฝึกฝนมันในทุกๆ วันของการทำงานได้ เช่น

1. ทำตัวให้ว่างบ้าง (Be Available) การสละเวลาเล็กน้อย ละสายตาจากจากการตอบไลน์ หรืออีเมล์งานบ้าง แล้วให้ความสนใจต่อคนที่กำลังพูดก็เพียงพอที่จะทำให้คนฟังรู้สึกดีและนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีได้ 

2. ฟังก่อนพูด (Listen First) เมื่อสนทนากับลูกน้อง หัดบังคับตัวเองไม่ให้เผลอเข้า "โหมดการสั่งสอน" หรือ พูดแทรกลูกน้องนั้น (เป็นเรื่องยากมากสำหรับหัวหน้า) 
การเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้เล่าเรื่องราว (Active Listening) คือ เทคนิคหนึ่งที่ทำให้เขาได้ทบทวนความคิดตัวเองอีกครั้ง เพื่อได้คำตอบด้วยตัวเอง โดยที่เราไม่ต้องแนะนำด้วยซ้ำไป คำตอบนั้นจะมีคุณค่ากับตัวเขาเอง และเกิด commitment ในการแก้ไขมากกว่าการใช้คำสั่งอีกด้วย

3. มีส่วนร่วมในงาน (Be Accountable) ใส่ใจในงานหรือปัญหาที่ลูกน้องนำมาปรึกษาก็เป็น Empathy ในรูปแบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบในหน้าที่ นอกจากรับฟังแล้ว ควรนำเรื่องดังกล่าวไปหรึกษา หรือตรวจสอบปัญหาจนกว่ามันจะได้รับการแก้ไข ลูกน้องจะรู้สึกว่าหัวหน้ารับฟังปัญหาในงานจริงๆ และนำไปสู่ความไว้เนื้อเชื่อใจ 

ผู้นำจึงไม่ควรมีแต่ความ "รู้สึก" เห็นอกเห็นใจแบบ Sympathy แต่ควรฝึกใช้ "ทักษะ" ความเห็นอกเห็นใจในแบบ Empathy ให้ชำนาญ จึงจะพบการเปลี่ยนแปลงของทีม ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น บรรยากาศการทำงานที่ไว้วางใจกัน ความตรงไปตรงมา การเปิดรับไอเดียซึ่งกันและกัน 

จากนั้นสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งก็คือ ผลการปฏิบัติงานของทีมและองค์กรที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม


การพัฒนาความคิดและจิตใจตัวเอง คือ การนำตัวเอง (Lead Others)
เพื่อบริหารจัดการทีมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการทำงานที่ดี สร้างความผูกพันในทีมงาน (High Performance Environment & Engagement)

รายละเอียดหลักสูตร Leadership Development 
คลิก


Content: อนิรุทธิ์ ตุลสุข


ด่วน ! เราเพิ่มช่องทางอ่านบทความใหม่แล้ว ที่ Linkedin
https://www.linkedin.com/company/coach-for-goal/…

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Key Takeaways: The Roots : Building Result-Driven Environtment เป้าหมายหลักขององค์กรมีหลายด้าน คนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ คือ ผู้บริหาร อย่างไรก็ตามการที่ผู้บริหาร หรือ ผู้นำจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากการมี Leadership Mindsets ที่ถูกต้องเหมาะสมด้วย องค์กรจะพัฒนาผู้บริหารให้เป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร มาดู Key takeaway จาก Mini Workshop ของเรากันครับ
Key Takeaways: The Roots : Building Result-Driven Environtment

เป้าหมายหลักขององค์กรมีหลายด้าน คนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้ คือ ผู้บริหาร อย่างไรก็ตามการที่ผู้บริหาร หรือ ผู้นำจะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องเริ่มจากการมี Leadership Mindsets ที่ถูกต้องเหมาะสมด้วย องค์กรจะพัฒนาผู้บริหารให้เป็นผู้นำที่ดีได้อย่างไร มาดู Key takeaway จาก Mini Workshop ของเรากันครับ

Key Takeaways: Leader Development in Uncertain World โลกเราไม่เคยหยุดนิ่ง และยิ่งมีสปีดของการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ่นเรื่อยๆ แล้วองค์กรจะพัฒนาผู้นำอย่างไรในโลกที่ไม่แน่นอน
ใน Mini Workshop ของ อ. คม สุวรรณพิมล จึงมีได้นำประเด็นนี้มาอัพเดท ให้ผู้บริหารทุกท่านได้ เตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาการบริหารให้ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับโลกที่ไม่แน่นอน (uncertain World)  มาดู Key takeaway จาก Mini Workshop ของเรากันครับ
Key Takeaways: Leader Development in Uncertain World

โลกเราไม่เคยหยุดนิ่ง และยิ่งมีสปีดของการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ่นเรื่อยๆ แล้วองค์กรจะพัฒนาผู้นำอย่างไรในโลกที่ไม่แน่นอน ใน Mini Workshop ของ อ. คม สุวรรณพิมล จึงมีได้นำประเด็นนี้มาอัพเดท ให้ผู้บริหารทุกท่านได้ เตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาการบริหารให้ยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับโลกที่ไม่แน่นอน (uncertain World) มาดู Key takeaway จาก Mini Workshop ของเรากันครับ

Leadership Style ต้องปรับบ้าง เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการบริหาร สาเหตุที่ต้องพัฒนาผู้นำองค์กร ให้บริหารอย่างสมดุล ตามแนวคิดของ Diamond Management ก็คือ ผู้บริหารแต่ละคน มักจะมี "ท่าถนัด" หรือ สไตล์ในการบริหารต่างกันมากเกินไป ถ้าคุณเป็นผู้นำแล้ว เราลองใช้นิยามหัวหน้า ใน Info นี้ ดูตัวเองนะครับ ว่าท่าถนัดเราคือแบบไหน? มีหลงลืมท่าที่ไม่ถนัดแต่จำเป็นตัวไหนบ้างไหม? แล้วมาลองปรับด้านที่เหลือกันครับ
Leadership Style ต้องปรับบ้าง เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการบริหาร

สาเหตุที่ต้องพัฒนาผู้นำองค์กร ให้บริหารอย่างสมดุล ตามแนวคิดของ Diamond Management ก็คือ ผู้บริหารแต่ละคน มักจะมี "ท่าถนัด" หรือ สไตล์ในการบริหารต่างกันมากเกินไป ถ้าคุณเป็นผู้นำแล้ว เราลองใช้นิยามหัวหน้า ใน Info นี้ ดูตัวเองนะครับ ว่าท่าถนัดเราคือแบบไหน? มีหลงลืมท่าที่ไม่ถนัดแต่จำเป็นตัวไหนบ้างไหม? แล้วมาลองปรับด้านที่เหลือกันครับ

ภาวะผู้นำที่ดี ต้องมี 6 หลักการนี้ (Leadership Principles) โดยทั่วไป คนมักจะมีความถนัดของตัวเอง ทั้งจากประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกัน หรือ บางคนก็ใช้ความเชื่อของตัวเองในการบริหาร จึงทำให้มักใช้หลักการบางตัวเท่านั้นในหลายๆ สถานการณ์  ทว่า การเป็นผู้นำที่ดีนั้น จำเป็นต้องใช้ให้ถูกสถานการณ์จึงจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมในการทำงาน ซึ่งมีดังนี้
ภาวะผู้นำที่ดี ต้องมี 6 หลักการนี้ (Leadership Principles)

โดยทั่วไป คนมักจะมีความถนัดของตัวเอง ทั้งจากประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกัน หรือ บางคนก็ใช้ความเชื่อของตัวเองในการบริหาร จึงทำให้มักใช้หลักการบางตัวเท่านั้นในหลายๆ สถานการณ์ ทว่า การเป็นผู้นำที่ดีนั้น จำเป็นต้องใช้ให้ถูกสถานการณ์จึงจะช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและเหมาะสมในการทำงาน ซึ่งมีดังนี้

6  ปัจจัยที่ทำให้ส่งเสริมบรรยากาศการทำงาน High Performance Environtment คือ บรรยากาศการทำงานที่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานอย่างมากครับ เพราะจะส่งผลต่อความรู้สึก ทัศนคติ และพฤติกรรมในการทำงานของพนักงาน
6 ปัจจัยที่ทำให้ส่งเสริมบรรยากาศการทำงาน

High Performance Environtment คือ บรรยากาศการทำงานที่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานอย่างมากครับ เพราะจะส่งผลต่อความรู้สึก ทัศนคติ และพฤติกรรมในการทำงานของพนักงาน

ทักษะการคิดจะเพิ่ม ถ้าเริ่มพัฒนา Thinking Mechanism ทักษะการคิด เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับอนาคต และคนทำงานจะอยู่ยากถ้าปราศจากระบบความคิดที่เหมาะสม  กูรูหลายท่านระดับโลกจึงมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันครับว่า ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่จะช่วยได้ ก็คือ การยกระดับระบบการคิด ซึ่งได้แก่
ทักษะการคิดจะเพิ่ม ถ้าเริ่มพัฒนา Thinking Mechanism

ทักษะการคิด เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับอนาคต และคนทำงานจะอยู่ยากถ้าปราศจากระบบความคิดที่เหมาะสม กูรูหลายท่านระดับโลกจึงมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันครับว่า ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่จะช่วยได้ ก็คือ การยกระดับระบบการคิด ซึ่งได้แก่