ผู้นำตามแนวคิด Leading With Purpose (ตอนที่ 4) : Environment Master New

วันที่: 17 ต.ค. 2566 13:35:16     แก้ไข: 19 ต.ค. 2566 13:17:08     เปิดอ่าน: 1,024     Blogs
แนวคิด Leading with Purpose จะต้องการ ผู้นำที่ต้องบริหารเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ 4 ประเภท ซึ่งในครั้งนี้ขออธิบายวิธีการบริหารในประเภท สุดท้ายคือ Environment Master โดยผู้บริหารนี้จะเป็นผู้นำที่บริหารเพื่อให้บรรลุ Purpose ด้าน Stability และ Engagement ความเกี่ยวพันธ์ของทั้งสองเป้าประสงค์นี้คือ

เป้าประสงค์ของผู้นำแบบ Environtment Master

 

  • Stability หมายถึงเป้าประสงค์ที่องค์กรต้องการ คือการมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ ในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว
  • Engagement คือเป้าประสงค์ที่คนในองค์กรมีความผู้พันธ์กับองค์กร

ความสัมพันธ์ของสองเป้าประสงค์นี้ คือ ถ้าคนมีความผูกพันธ์กับองค์กรแล้ว เขาก็จะมีความภักดีกับองค์กร ซึ่งจะทำให้เป็นสามารถขับเคลื่อนองค์กรต่อไปในระยะะยาวๆ จนองค์กรมีความมั่นคง โดยเฉพาะความมั่นคงในทรัพยากรมนุษย์  ซึ่งการที่จะเกิดสภาพแบบนี้ได้ นั่นหมายความว่า บรรยากาศการทำงานจะต้องดี เป็นบรรยากาศที่คนมีความสุขในการทำงาน และรักที่จะทำงานของตนเอง ให้บรรลุเป้าหมายโดยผู้บริหารที่จะสร้าง บรรยากาศแบบนี้ได้เรียกว่าเป็น Environment Master

วิธีการบริหารแบบ Environment Master

            วิธีการบริหารแบบ Environment Master นี้จะต้องคำนึงถึงทั้งสภาพแวดล้อมและ การทำงานให้บรรลุเป้าหมายไปพร้อมๆกัน ซึ่งถ้าให้ความสำคัญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ก็จะไม่บรรลุเป้าประสงค์ขององค์กร ซึ่งผู้บริหารหลายคนหาจุดสมดุลต้องนี้ไม่พบ ทำให้บรรยากาศกลายเป็นไม่อ่อนก็ตึงเกินไป ซึ่งวิธีการหริหารของ Environment Master จะเริ่มต้นจากทำสร้างให้ตนเองเป็นผู้นำที่ได้รับความไว้วางใจก่อนเป็นอันดับแรก หลักจากนั้น จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยการแบ่งหน้าที่ที่ชัดเจน ให้กับแต่ละคน ทั้งหน้าที่หลักและหน้าที่ที่ต้องคอยสนับสนุน ซึ่งปัญหาในการทำงานร่วมกันส่วนใหญ่ มักเกิดจากการที่ทีมงานไม่ทำงานในหน้าที่สนับสนุนเพราะไม่ใช่งานโดยตรงของตนเอง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในทีมงาน แต่การบริหารของ Environment Master นี้จะทำให้แต่ละคนรับรู้บทบาทที่ชัดเจนและต้องคอยช่วยเหลือกับคนในทีมด้วย เพื่อเป้าหมายรวมขององค์กร ซึ่งจะทำให้เกิดบรรยากาศ การทำงานที่มีประสิทธิภาพ จนทีมงานเกิด Engagement กับองค์กรและทำงานอย่างดี จนสร้างให้องค์กรเกิดความมั่นคง
 

สรุป

Environment Master จะมีจุดเด่นในด้านการสร้างความไว้วางใจกันภายในทีมและความไว้วางใจต่อหัวหน้า รวมทั้งมีการคำนึงถึงความสำเร็จในการทำงานของทีม โดยมีการบริหารที่คำนึงถึงสมาชิกภายในทีมแต่ละคนเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพต่อการทำงาน และไม่เกิดความขัดแย้งใดๆภายในทีม
หากท่านใดสนใจรายละเอียดของการพัฒนาผู้นำ Leading with Purpose นี้ สามารถ Download เอกสาร หรือ สามารถขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่นี่ 
  
        เพิ่มเพื่อน    

บทความโดย

Kom Suwanpimon (คม สุวรรณพิมล)
CEO & Founder / Coach For Goal Group 
 
  • Top Management Executive in Finacial Companies
  • Executive Coach & Business Development Consultant
  • Newspaper Columnnist & Author
     
Interesting Areas:
Business Results Inprovement, Leadership Development, Executive & performance Coaching, People Attitude & Behavior
 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ

บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่?
ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก

หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่? ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง

Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้
Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้