บริษัทซอมบี้

วันที่: 28 ม.ค. 2563 14:31:03     แก้ไข: 21 ก.ค. 2563 15:58:13     เปิดอ่าน: 2,230     Blogs
"บริษัทซอมบี้" (Zombie firm) เป็นฉายาของบริษัทไม่สามารถทำกำไร แต่ก็ยังอยู่รอดในธุรกิจได้ แม้ว่าจะอยู่ในแบบครึ่งผีครึ่งคน เป็น Living dead ไปเรื่อยๆ ก็ตาม

งานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ของ IMF นิยาม "บริษัทซอมบี้" ไว้ว่า เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการมากกว่า 10 ปี แต่กำไรของบริษัทไม่พอที่จะจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ของแบงก์ได้ต่อเนื่องกัน 3 ปี

ที่ยังอยู่ได้ มีหลายสาเหตุ บ้างเป็นเพราะการเลี้ยงไข้จากภาครัฐ เพื่อให้ไม่กระทบอัตราการว่างงานของประเทศ บ้างก็เลี้ยงตัวเองจากการนำเงินกู้ใหม่มาโปะ ขายสินทรัพย์ หรือ แม้แต่เพิ่มทุนของกิจการ

ในวงการ Startup ที่ผมเคยอยู่เอง ก็มี zombie Startup เช่นเดียวกัน ซึ่งจะใช้วิธีอยู่รอด ด้วยสร้างภาพลักษณ์ เพื่อล่อหลอกเงินทุนจากนักลงทุน หรือเดินสายแบบนางงามเพื่อประกวดล่ารางวัล และยืดอายุขัยตัวเองต่อไป

ไม่ว่าวงการไหน บริษัทซอมบี้เหล่านี้ เหมือนกันตรงที่ไม่มีความสามารถทางการแข่งขันในตลาด ไม่สร้างผลกำไรทางธุรกิจ หนี้สินก็สูง แต่ก็อยู่รอดได้
สุดท้ายก็สร้างปัญหาต่อเศรษฐกิจเหมือนๆ กัน เช่น การแย่งชิงทรัพยากร ไล่ตั้งแต่แหล่งเงินทุน แรงงาน ฯลฯ จนส่งผลให้ ต้นทุนประกอบการบางอย่างของบริษัททั่วไปต้องสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น และสกัดกั้นโอกาสเติบโตของบริษัทใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูงกว่า

ในที่ทำงานเองก็มี พนักงานซอมบี้ (Zombie employee) ที่ลักษณะไม่ต่างกัน นั่นคือ ไม่สามารถสร้างผลการทำงานที่องค์กรต้องการ แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ด้วยกลยุทธ์เฉพาะตัวบางอย่าง

บางที่ก็เรียกคนกลุ่มนี้ว่า Deadwood ซึ่งความหมายไปในทางเดียวกัน นั่นคือ ไม่มีชีวิต ไม่มีแรงจูงใจในการพัฒนาเติบโต แถมเบียดบังทรัพยากรและโอกาสในการเติบโตของพนักงานที่มีศักยภาพสูงกว่าด้วย

ภาระอันหนักอึ้ง จึงมักตกกับหัวหน้างาน ที่ต้องหาวิธีการบริหารจัดการพนักงานซอมบี้เหล่านี้

หัวหน้าบางคนจิตใจดีเลี้ยงไว้ ก็ต้องอุ้มไปเรื่อยๆ เหมือนเอาความเสี่ยงและอันตรายมาไว้กับตัวเองแทน และบากหน้าไปรับบาปยามที่ผลการทำงานของทีมไม่ถึงเป้า

หัวหน้าบางคน เลือกวิธีการเด็ดขาดกว่านั้น เพื่อประโยชน์สุขขององค์กรและสมาชิกทีมโดยรวม แต่ก็ไม่วายตกเป็นข้อครหา และเสียศรัทธาจากสมาชิกที่ไม่เข้าใจสถานการณ์

อ้าว โน่นก็เสี่ยง นี่ก็แย่ แล้วจะให้ทำยังไงดี?

จริงๆ แล้ว คำตอบแบบไหนก็ไม่ผิด เพราะอยู่ที่สถานการณ์

หากอาการไม่หนักนัก การเยียวยาให้วัคซีน และปรับแก้พฤติกรรมก็ทำได้ แต่หัวหน้าต้องชำนาญพอที่จะวิเคราะห์ว่า ผลการทำงานที่ย่ำแย่นั้นเกิดจากปัจจัยใด เช่น ความรู้ความสามารถ หรือ ทัศนคติในการทำงานบางอย่างไม่เหมาะสม จะได้เลือกวัคซีนรักษาได้ถูกต้อง

หากเป็นที่ความสามารถ ก็ส่งเสริมการพัฒนาทักษะเสีย แต่ถ้าเป็นเรื่องทัศนคติ วิธีแก้ก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโค้ช การสร้าง Engagement หรือ การบริหารจัดการที่เพิ่มไฟในการทำงาน เช่น การโอนย้าย หมุนเวียนการทำงาน

แต่ถ้าอาการหนักมาก หนทางในการรับมือ ซึ่งก็ไม่ต่างจากในหนังเท่าไร คือ ส่งซอมบี้ไปสู่ที่ชอบๆ ซึ่งเป็นหนทางเดียว และเป็นสิ่งที่หัวหน้าพึงกระทำด้วย เพราะที่องค์กรจ้างมาก็เพื่อให้บริหารจัดการผลงานของลูกทีม

การจัดการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คือ สิ่งที่วัดฝีมือของหัวหน้า ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องวิเคราะห์เสียก่อนว่าเป็นเคสไหน และจัดการให้เหมาะสมกับสถานการณ์เท่านั้นเองครับ

อ้อ แล้วอย่าลืมหมั่นเช็คตัวเองเป็นระยะๆ ด้วยว่า เผลอติดเชื้อซอมบี้ไปหรือยังนะครับ!
การพัฒนาความคิดและจิตใจตัวเอง คือ การนำตัวเอง (Lead Others) เพื่อบริหารจัดการทีมให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการทำงานที่ดี สร้างความผูกพันในทีมงาน (High Performance Environment & Engagement)
รายละเอียดหลักสูตร
Leadership Development 
คลิก
Content: aniruthT
Photo: RealAKP / Pixabay
Reference:
https://www.weforum.org/…/is-your-colleague-a-zombie-worker/
https://www.prachachat.net/finance/news-390724
https://www.mreport.co.th/…/051-%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2…

บทความโดย

Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG 
 
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property
Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking
 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ

บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่?
ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง
บทบาทหัวหน้างาน ไม่ได้มีแค่การสั่งแล้วตามจิก

หลายคนรู้สึกว่าหัวหน้าไม่เห็นทำงานอะไรเลย ได้แต่สั่งงานแล้วก็ตามงาน แถมหัวหน้าบางคนก็ตามแบบจิกๆ อีกต่างหาก ทำแบบนี้หัวหน้าทำถูกหรือไม่? ที่นี่เรามาดูหน้าที่หลักๆของหัวหน้าว่าเขาต้องทำอะไรบ้าง

Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้
Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

Catfish Effect (เอฟเฟกต์ปลาดุก) คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากอะไร? และนำมาใช้เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ได้อย่างไร? มารู้กันจาก blog นี้